
ความหมายและที่มาของสำนวน
“กินปูนร้อนท้อง”
สำนวน “กินปูนร้อนท้อง” หมายถึง คนที่ทำอะไรมีพิรุธหรือแสดงอาการเดือดร้อนขึ้นมาเอง เมื่อถูกพูดถึงหรือกระทำสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความผิดที่ตนทำไว้ เปรียบเสมือนคนที่กินปูนร้อนๆ เข้าไปแล้วรู้สึกร้อนท้องจนต้องแสดงอาการออกมา แม้จะพยายามกลบเกลื่อนก็ตาม
ที่มา ของสำนวนนี้มาจากความเชื่อเกี่ยวกับ “ปูน” ในสมัยโบราณ
- ปูนกินหมาก: คนไทยนิยมกินหมาก โดยใช้ปูนแดงทาใบพลู ปูนนี้ทำมาจากเปลือกหอยเผาไฟ หากเผลอกินปูนที่ยังร้อนอยู่เข้าไป จะทำให้รู้สึกร้อนแสบร้อนภายในท้องอย่างรุนแรง
- ปูนก่อสร้าง: ปูนที่ใช้ก่อสร้างก็มีความร้อนเช่นกัน หากสัมผัสโดนผิวหนังหรือเผลอกินเข้าไป ก็จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและร้อน
ดังนั้น “ปูน” จึงถูกนำมาเปรียบเทียบกับความผิดหรือความลับที่ซ่อนไว้ เมื่อถูกกระตุ้นหรือพูดถึง ปูนนั้นก็จะออกฤทธิ์ร้อนขึ้นมา ทำให้ผู้ที่ซ่อนความผิดไว้แสดงอาการพิรุธออกมา เหมือนกับอาการร้อนท้องที่เกิดจากการกินปูนร้อนเข้าไป
ตัวอย่างการใช้
- “พอตำรวจถามถึงเรื่องเงินที่หายไป เขาก็ดู กินปูนร้อนท้อง พูดจาตะกุกตะกัก”
- “ทำไมเธอต้อง กินปูนร้อนท้อง ด้วย ฉันแค่ถามว่าเมื่อคืนไปไหนมา ไม่ได้จะจับผิดอะไรสักหน่อย”
- “หัวหน้าโจรถึงกับ กินปูนร้อนท้อง เมื่อลูกน้องบอกว่าเผลอทำหลักฐานหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ”

ความหมายแฝง
สำนวน “กินปูนร้อนท้อง” ไม่ได้หมายถึงแค่การแสดงอาการพิรุธออกมาเท่านั้น แต่ยังแฝงความหมายถึง:
- ความรู้สึกผิด: ผู้ที่กินปูนร้อนท้อง มักจะรู้สึกผิดหรือละอายใจกับสิ่งที่ตนทำไว้
- ความกลัว: กลัวว่าความผิดจะถูกเปิดเผย
- ความไม่ซื่อสัตย์: เป็นการกระทำของผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ ปกปิดความจริง
สรุป
“กินปูนร้อนท้อง” เป็นสำนวนไทยที่ใช้เปรียบเทียบพฤติกรรมของคนที่แสดงอาการมีพิรุธหรือเดือดร้อนออกมา เมื่อถูกพูดถึงหรือกระทำสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับความผิดที่ตนได้ทำไว้ เป็นสำนวนที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเรื่อง “ปูน” และความร้อนในสมัยโบราณ และยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน