ความหมายและที่มาของสำนวน
“กินเมือง”
สำนวน “กินเมือง” มีความหมายหลักๆ อยู่ 2 นัย ขึ้นอยู่กับบริบทที่ใช้ ดังนี้:
1. การปกครองเมือง (ความหมายดั้งเดิม):
- ความหมาย: หมายถึง การได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมือง มีอำนาจปกครองบ้านเมืองและดูแลทุกข์สุขของราษฎร มักใช้ในบริบทโบราณหรือในวรรณคดี
- ที่มา: คำว่า “กิน” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการรับประทานอาหาร แต่หมายถึง “การครอบครอง” หรือ “การปกครอง” ในสมัยโบราณ ผู้ปกครองเมืองเปรียบเสมือนผู้ที่ได้รับสิทธิ์ให้ “กิน” ผลประโยชน์จากเมืองนั้นๆ ซึ่งก็คือภาษีอากร ทรัพยากร และแรงงานของประชาชน เพื่อนำมาใช้ในการบริหารบ้านเมืองและดูแลความเป็นอยู่ของตนเอง
- ตัวอย่าง:
- “พระเจ้าตากสินทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาพิชัยเป็นเจ้า กินเมือง พิชัย”
- “เจ้าเมืองคนก่อน กินเมือง อย่างยุติธรรม ราษฎรจึงรักใคร่”
2. การทุจริตคอร์รัปชัน (ความหมายเชิงเปรียบเทียบ):
- ความหมาย: หมายถึง การที่ข้าราชการหรือผู้มีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทุจริตคอร์รัปชัน เบียดบังเอาทรัพย์สินของแผ่นดินหรือของประชาชนมาเป็นของตนเอง
- ที่มา: ความหมายนี้พัฒนามาจากความหมายดั้งเดิม โดยมองว่าการ “กินเมือง” ในแง่ลบ คือการที่ผู้ปกครองแทนที่จะดูแลบ้านเมือง กลับ “กิน” ทรัพย์สินของบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตน เหมือนกับปลิงที่ดูดเลือด
- ตัวอย่าง:
- “ข้าราชการบางคน กินเมือง จนร่ำรวยผิดปกติ”
- “นักการเมืองที่ กินเมือง ควรถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด”
- “โครงการนี้มีกลิ่น กินเมือง ส่อแววทุจริต”
ความแตกต่างและข้อสังเกต:
- ความหมายดั้งเดิมจะใช้คำว่า “เจ้ากินเมือง” หรือระบุตำแหน่งของผู้ปกครอง แต่ความหมายเชิงเปรียบเทียบจะใช้คำว่า “กินเมือง” เฉยๆ
- บริบทจะเป็นตัวบ่งบอกความหมายที่แท้จริง หากเป็นเรื่องราวในอดีต มักจะหมายถึงการปกครอง แต่หากเป็นเรื่องราวในปัจจุบัน มักจะหมายถึงการทุจริต
สรุป:
“กินเมือง” เป็นสำนวนที่มีความหมายได้ทั้งในเชิงบวก (การปกครอง) และเชิงลบ (การทุจริต) ขึ้นอยู่กับบริบทการใช้งาน ความเข้าใจในที่มาและความหมายดั้งเดิมจะช่วยให้เราตีความสำนวนนี้ได้อย่างถูกต้อง และเห็นภาพสะท้อนของค่านิยมและปัญหาในสังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน