
สำนวน “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” หมายถึง การใช้จ่ายที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย หรือการจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่พอเพียงจนเกิดปัญหา โดยเปรียบกับการดึงผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนที่ไม่ยาวพอ พอคลุมส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เปิดออก
ที่มาของสำนวน
เชื่อกันว่าสำนวนนี้มาจากการนุ่งผ้าถุงค่ะ สมัยก่อนคนที่มีฐานะยากจนอาจมีผ้าถุงผืนเล็กๆ เวลาจะนุ่งก็เลยต้องเลือกว่าจะปิดด้านหน้าหรือด้านหลัง เพราะผ้าเล็กเกินกว่าจะปิดได้หมดทั้งสองด้าน จึงเป็นที่มาของสำนวน “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” เปรียบเหมือนคนที่มีเงินไม่พอใช้จ่าย ต้องเลือกเอาว่าจะใช้จ่ายอะไรก่อน-หลัง
ตัวอย่างการใช้
- “ช่วงนี้รายจ่ายเยอะมาก ต้องประหยัดหน่อย ไม่อย่างนั้นจะชักหน้าไม่ถึงหลัง”
- “เขาบริหารงานแบบนี้เหมือนชักหน้าไม่ถึงหลัง ปัญหาเก่าก็ยังไม่ทันแก้ ปัญหาใหม่ก็เข้ามาอีกแล้ว”
ลักษณะของสำนวน
สำนวนนี้มักใช้ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือการจัดการทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่เพียงพอกับความต้องการ.