
ความหมายและที่มาของสำนวน
“เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม”
สำนวน “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม” เป็นสำนวนไทยที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีความหมายถึง การประพฤติตนตามคนส่วนใหญ่ในสังคมนั้นๆ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เราเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ หรือสังคมที่เราไม่คุ้นเคย
ความหมายโดยละเอียด
- เข้าเมือง: หมายถึง การเข้าไปในสถานที่หรือสังคมใหม่
- ตาหลิ่ว: หมายถึง อาการที่ดวงตาปรือลงเล็กน้อย คล้ายคนง่วงนอน หรือคนที่มีสายตาไม่ปกติ
- หลิ่วตาตาม: หมายถึง การทำตามอาการตาหลิ่วของคนอื่น
เมื่อรวมกันเป็น “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม” จึงหมายถึง การทำตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมหรือวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการทำตัวแตกต่าง
ที่มาของสำนวน
ที่มาของสำนวนนี้ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามาจากวิถีชีวิตของคนในสมัยก่อน ที่การเดินทางไปยังต่างถิ่นหรือต่างเมืองเป็นเรื่องยากลำบาก การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสงบสุข
สำนวนนี้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของคนไทยในเรื่องความเกรงใจ การเคารพผู้อื่น และการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การปรับตัวเข้ากับสังคมจึงเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับและถือว่าเป็นมารยาททางสังคมที่ดี
ตัวอย่างการใช้สำนวน
- “ไปทำงานที่บริษัทใหม่ๆ ก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ทำตามกฎระเบียบของเขาไปก่อน” (หมายถึง การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร)
- “ไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ศึกษาวัฒนธรรมและประเพณีของเขา เพื่อไม่ให้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสม” (หมายถึง การเคารพวัฒนธรรมของผู้อื่น)
- “ในที่ประชุม เราก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ฟังความคิดเห็นของคนอื่น และแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ” (หมายถึง การประพฤติตนให้เหมาะสมกับสถานการณ์)
สำนวนที่มีความหมายใกล้เคียง
- ทำตามน้ำ
- คล้อยตาม
- ทำตัวให้กลมกลืน
ข้อควรพิจารณา
แม้ว่าสำนวน “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม” จะเน้นการปรับตัวให้เข้ากับสังคม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำตามทุกอย่างที่คนอื่นทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งนั้นผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม หรือขัดต่อหลักการของเรา เราควรใช้สติปัญญาพิจารณาและเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม