ความหมายและที่มาของสำนวน “กินข้าวลิง”
สำนวน “กินข้าวลิง” หมายถึง การกินสิ่งที่พอจะหาได้ เพราะไปตกอยู่ในที่ที่ไม่มีอาหารจะกิน เช่น ไปเที่ยวป่าแล้วหลงทาง หรือรถเสียกลางทางในที่เปลี่ยว ไม่มีร้านอาหาร ทำให้ต้องหาอาหารเท่าที่หาได้จากบริเวณนั้นประทังความหิวไปก่อน
ที่มาของสำนวน:
ที่มาของสำนวนนี้มาจากการที่คนเดินทางไปในที่ทุรกันดาร เช่น ป่าเขา หรือทางเปลี่ยว แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น หลงทาง รถเสีย ทำให้ไม่สามารถหาอาหารได้ตามปกติ ต้องหาอาหารจากสิ่งที่หาได้ในป่าหรือข้างทาง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผลไม้หรือพืชป่าที่ลิงกินได้ คนจึงจำเป็นต้องกินสิ่งเหล่านั้นเพื่อประทังความหิว ทำให้เกิดเป็นสำนวน “กินข้าวลิง” ขึ้นมา
ในสมัยก่อน การเดินทางมีความยากลำบากกว่าปัจจุบันมาก ถนนหนทางไม่ดี รถเสียได้ง่าย และบางครั้งก็ต้องเดินทางผ่านป่าเขา ทำให้มีโอกาสที่จะต้อง “กินข้าวลิง” มากกว่าปัจจุบัน แต่ในปัจจุบัน ถนนหนทางได้รับการพัฒนาดีขึ้น รถยนต์มีคุณภาพมากขึ้น และมีโทรศัพท์มือถือที่ใช้ขอความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น ทำให้โอกาสที่จะต้อง “กินข้าวลิง” น้อยลง แต่สำนวนนี้ก็ยังคงใช้กันอยู่ โดยส่วนใหญ่มักใช้ในเชิงตลกขบขัน หรือพูดถึงสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาอาหาร
ตัวอย่างการใช้สำนวน:
- “เมื่อวานรถเสียกลางทาง กว่าจะซ่อมเสร็จก็เย็น ต้องกินข้าวลิงไปมื้อนึง”
- “ถ้าไปเดินป่าก็ต้องเตรียมเสบียงให้พร้อมนะ ไม่งั้นอาจจะต้องกินข้าวลิงก็ได้”
นอกจากนี้ ยังมีคำอธิบายเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ดังนี้
- พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔: ให้ความหมายของ “กินข้าวลิง” ว่า “กินสิ่งที่พอจะหาได้ เพราะไปตกอยู่ในที่ที่ไม่มีอาหารจะกิน”
- เว็บไซต์ต่างๆ: อธิบายว่า “กินข้าวลิง” มักเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่รถเสียกลางทางในที่เปลี่ยว ทำให้ต้องหาอาหารจากข้างทาง เช่น ผลไม้ที่ลิงกินได้
- ผู้ใช้รถ: มักใช้สำนวนนี้ในเชิงหยอกล้อกัน เมื่อมีใครประสบเหตุรถเสียกลางทาง