ความหมายของสำนวน “น้ำขึ้นปลากินมด น้ำลดมดกินปลา”
สำนวน “น้ำขึ้นปลากินมด น้ำลดมดกินปลา” มีความหมายว่า ทีใครทีมัน หรือ แต่ละฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยและเอื้อประโยชน์กันในยามที่มีโอกาส เปรียบเทียบกับธรรมชาติของปลาและมดที่ต่างก็อาศัยโอกาสในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อความอยู่รอด
- น้ำขึ้นปลากินมด: เมื่อน้ำขึ้น มดจะจมน้ำ ปลาจึงมีโอกาสได้กินมดเป็นอาหาร
- น้ำลดมดกินปลา: เมื่อน้ำลด ปลาจะเกยตื้นหรืออยู่ในแอ่งน้ำที่ไม่มีทางออก มดจึงมีโอกาสไดกินปลา
ความหมาย
- การได้เปรียบเสียเปรียบตามสถานการณ์
- หมายถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตามสภาวะแวดล้อมหรือโอกาส และผู้ที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบจะสลับกันไปตามสถานการณ์นั้น ๆ
- ความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย
- สื่อถึงการที่ทุกคนมีช่วงเวลาที่ได้เปรียบและเสียเปรียบในชีวิตตามวัฏจักรของเวลาและสถานการณ์
ที่มา
- สำนวนนี้มาจากธรรมชาติของระบบนิเวศและพฤติกรรมของสัตว์ เช่น เมื่อ น้ำขึ้น ปลาในน้ำจะได้เปรียบ เพราะสามารถไล่กินมดที่อยู่ใกล้ขอบน้ำได้ แต่เมื่อ น้ำลด กลับกัน มดที่อยู่บนบกจะได้เปรียบ เพราะสามารถจับปลาที่ติดอยู่ตามตื้นหรือโคลนกินได้
- จึงเปรียบเทียบถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และความได้เปรียบเสียเปรียบที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อม
ตัวอย่างการใช้
- “ในยามเศรษฐกิจดี ธุรกิจใหญ่ได้เปรียบ แต่ในยามวิกฤติ ธุรกิจเล็กกลับอยู่รอดเหมือนน้ำขึ้นปลากินมด น้ำลดมดกินปลา”
- “คนที่เคยดูถูกคนอื่น ตอนนี้กลับลำบากเสียเอง เหมือนน้ำขึ้นปลากินมด น้ำลดมดกินปลา”
สำนวนนี้สอนให้เราเข้าใจถึง:
- ความไม่แน่นอนของชีวิต: สถานการณ์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันนี้เราอาจจะเป็นผู้ได้เปรียบ แต่วันหน้าอาจกลายเป็นผู้เสียเปรียบ
- การพึ่งพาอาศัยกัน: ในสังคมย่อมมีการพึ่งพาอาศัยกัน เมื่อใครมีโอกาสหรืออยู่ในสถานะที่ได้เปรียบก็ควรรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
- การรู้จักฉวยโอกาส: เมื่อโอกาสมาถึง ควรรีบคว้าไว้ แต่ต้องทำด้วยความถูกต้องและไม่เอาเปรียบผู้อื่น
- สัจธรรมของธรรมชาติ: ทุกสิ่งมีทั้งขึ้นและลง มีทั้งได้และเสีย ไม่มีใครเหนือกว่าใครตลอดไป
กล่าวโดยสรุป สำนวน “น้ำขึ้นปลากินมด น้ำลดมดกินปลา” เป็นคำเปรียบเทียบที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฏจักรของการพึ่งพาอาศัยกัน โอกาส ความไม่แน่นอนของชีวิต และสัจธรรมของธรรมชาติ เตือนใจให้เราไม่ประมาท รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ