ความหมายและที่มาของสำนวน “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่”
สำนวน “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” หมายถึง การแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจ ไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะได้ยินหรือมองเห็นสิ่งนั้นอยู่ก็ตาม เป็นการทำเป็นหูหนวกตาบอด ปิดหูปิดตาตัวเอง หรือบางครั้งอาจหมายถึง การละเลยไม่เอาใจใส่ต่อสิ่งรอบข้าง
ที่มาของสำนวน:
สำนวนนี้มาจากวิถีชีวิตของชาวนาชาวไร่ในสมัยก่อน ซึ่งต้องพึ่งพาธรรมชาติในการทำการเกษตร
- เอาหูไปนา: เวลาไปทำนา มักไม่ได้ยินเสียงอะไรมากนัก นอกจากเสียงลม เสียงนก หรือเสียงธรรมชาติ เพราะต้องก้มหน้าก้มตาทำงาน เปรียบเสมือนการไม่ได้ยิน หรือแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
- เอาตาไปไร่: เวลาไปทำไร่ ก็ต้องก้มหน้าก้มตามองดูพืชผล ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบข้าง เปรียบเสมือนการไม่เห็น หรือแกล้งทำเป็นไม่เห็น
ดังนั้น การ “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” จึงเปรียบเสมือนการแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนกับชาวนาชาวไร่ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเอง โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ตัวอย่างการใช้:
- “เรื่องนี้เกิดขึ้นในที่ทำงานแท้ ๆ แต่หัวหน้ากลับทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ยอมจัดการอะไร”
- “เธอเห็นเขาขโมยของ แต่กลับทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ยอมบอกใคร”
- “ฉันไม่อยากรับรู้ปัญหาของคนอื่นแล้ว ขอทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ดีกว่า”
- “บางครั้งการทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่บ้าง ก็อาจจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องปวดหัว”
สรุป:
สำนวน “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” เป็นสำนวนที่สื่อถึงการแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจ หรือละเลยต่อสิ่งรอบข้าง เปรียบเสมือนการปิดหูปิดตาตัวเอง มาจากภาพของชาวนาชาวไร่ที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง มักใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลเลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาหรือเรื่องราวที่ไม่ดี