ความหมายและที่มาของสำนวน “หนังหน้าไฟ”
ความหมายของสำนวน “หนังหน้าไฟ”
สำนวน “หนังหน้าไฟ” หมายถึง คนที่ต้องออกหน้ารับความเดือดร้อน หรือรับเคราะห์แทนคนอื่นก่อน, มักใช้กับคนที่ถูกใช้ให้ไปเผชิญกับปัญหาหรือความยุ่งยากเป็นคนแรก โดยที่คนอื่นๆ คอยดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ
เปรียบเสมือน: หนังที่อยู่หน้าไฟ ย่อมถูกไฟเผาก่อนสิ่งอื่นๆ
ใช้ในสถานการณ์:
- ถูกใช้เป็นตัวล่อ: เมื่อมีอันตรายหรือความเสี่ยง คนที่เป็น “หนังหน้าไฟ” มักถูกส่งออกไปก่อน เพื่อดูท่าทีหรือรับมือกับสถานการณ์
- รับผิดชอบแทนคนอื่น: เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น คนที่เป็น “หนังหน้าไฟ” มักถูกตำหนิหรือลงโทษก่อน ทั้งๆ ที่ความผิดนั้นอาจไม่ได้เกิดจากตนเองทั้งหมด
- เผชิญหน้ากับปัญหาโดยตรง: เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น คนที่เป็น “หนังหน้าไฟ” มักต้องเป็นคนแรกที่เข้าไปแก้ไขหรือจัดการกับปัญหา
ตัวอย่าง:
- “พอเจ้านายโกรธ ฉันก็ต้องเป็นหนังหน้าไฟ คอยรับอารมณ์อยู่คนเดียว”
- “เขาเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ยอมเป็นหนังหน้าไฟรับผิดแทนเพื่อนร่วมงานเสมอ”
- “ทำไมฉันต้องเป็นหนังหน้าไฟ ไปเจรจากับลูกค้าเจ้าปัญหาคนเดียวด้วยนะ”
ที่มาของสำนวน “หนังหน้าไฟ”
ที่มาของสำนวนนี้ มาจากการละเล่นพื้นบ้านของไทยในสมัยโบราณ ที่เรียกว่า “หนัง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หนังใหญ่” และ “หนังตะลุง”
- หนังใหญ่: เป็นการแสดงมหรสพที่ใช้แผ่นหนังขนาดใหญ่ ฉลุเป็นรูปตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เชิดตัวหนังด้วยไม้ตับ แล้วใช้แสงไฟส่องผ่านแผ่นหนังให้เกิดเป็นเงาบนจอผ้าสีขาว ผู้พากย์และเจรจาจะอยู่ด้านหลังจอ
- หนังตะลุง: คล้ายกับหนังใหญ่ แต่ใช้ตัวหนังขนาดเล็กกว่า ทำจากหนังวัวหรือหนังควาย แกะสลักเป็นรูปตัวละครต่างๆ เชิดตัวหนังด้วยไม้ตับเช่นกัน
จุดเชื่อมโยงสู่สำนวน:
ในการแสดงหนังใหญ่หรือหนังตะลุง แผ่นหนังที่อยู่ด้านหน้าใกล้กับตะเกียงหรือแหล่งกำเนิดแสงไฟมากที่สุด จะเป็นส่วนที่เสี่ยงต่อการถูกไฟไหม้หรือเสียหายก่อน เปรียบเสมือนคนที่ต้องออกหน้ารับความเดือดร้อนหรือความเสี่ยงก่อนคนอื่นๆ
ดังนั้น สำนวน “หนังหน้าไฟ” จึงเป็นการเปรียบเทียบคนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหรืออันตรายก่อนคนอื่น กับแผ่นหนังในการแสดงหนังใหญ่หรือหนังตะลุงที่อยู่ใกล้ไฟและเสี่ยงต่อการถูกเผาไหม้มากที่สุดนั่นเอง