เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

หาบช้างซาแมว
หาบช้างซาแมว

ความหมายของสำนวน “หาบช้างซาแมว”

ภาพการ์ตูนชายหนุ่มยิ้มแย้มหาบตะกร้าสองใบ ข้างหนึ่งมีช้างตัวเล็ก อีกข้างมีแมวตัวใหญ่ โดยที่คานหาบสมดุลกันพอดี แสดงถึงความเหนือจริงและชวนให้ขบขัน ภาพนี้สามารถตีความและให้ข้อคิด คติธรรม ได้หลายแง่มุม ดังนี้:

1. ความสมดุลในความไม่สมดุล:

  • ภาพนี้แสดงถึง ความสมดุลที่เกิดขึ้นได้แม้ในสิ่งที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ ช้างกับแมวมีขนาดและน้ำหนักต่างกันมาก แต่ในภาพนี้กลับถูกหาบได้อย่างสมดุล
  • ข้อคิด: ในชีวิตจริง เราอาจเผชิญกับสิ่งที่ดูไม่สมดุล ไม่ยุติธรรม หรือขัดแย้งกัน แต่เราก็สามารถ หาสมดุล และ จัดการกับสิ่งเหล่านั้นได้ ด้วยการปรับตัว ปรับความคิด และหาวิธีการที่เหมาะสม

2. การมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอก:

  • ภาพนี้ท้าทาย การตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก ช้างที่ดูใหญ่โตกลับมีน้ำหนักเท่ากับแมวที่ดูเล็กกว่า
  • ข้อคิด: เราไม่ควร ตัดสินคนหรือสิ่งต่างๆ จากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ควรพิจารณาให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้

3. อารมณ์ขันและการมองโลกในแง่ดี:

  • ภาพนี้สื่อถึง อารมณ์ขัน และ การมองโลกในแง่ดี ชายหนุ่มในภาพยิ้มแย้ม แม้จะหาบสิ่งที่ดูเหลือเชื่อ
  • ข้อคิด: การมี อารมณ์ขัน และ ทัศนคติเชิงบวก จะช่วยให้เราเผชิญกับเรื่องยากๆ ในชีวิตได้ง่ายขึ้น

4. ความพยายามและความอดทน:

  • แม้ภาพจะดูเหนือจริง แต่ก็สื่อถึง ความพยายาม ในการหาบของสองสิ่งที่แตกต่างกันมาก
  • ข้อคิด: ความสำเร็จมักเกิดจาก ความพยายามและความอดทน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือสิ่งที่ดูเป็นไปไม่ได้

5. การยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง:

  • ภาพนี้แสดงถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งที่แตกต่าง ทั้งช้างและแมวต่างก็อยู่ในตะกร้าของตัวเองอย่างสงบ
  • ข้อคิด: เราควร ยอมรับความแตกต่าง และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่มีความแตกต่างหลากหลาย

6. การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์:

  • ภาพนี้อาจสื่อถึง การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ นอกกรอบ
  • ข้อคิด: เมื่อเผชิญกับปัญหา เราควร คิดนอกกรอบ หาวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และไม่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ

7. คติธรรมทางพุทธศาสนา:

  • ภาพนี้สามารถเชื่อมโยงกับหลักธรรมเรื่อง ความไม่ยึดติด ความสมดุล และการ มองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง
  • ข้อคิด: เราควรฝึก ปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ ดำเนินชีวิตด้วยความสมดุล และ มองโลกตามความเป็นจริง

สรุป:

ภาพนี้เป็นภาพที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยข้อคิดและคติธรรม สอนให้เรา รู้จักหาสมดุลในชีวิต มองโลกในแง่ดี ยอมรับความแตกต่าง ไม่ตัดสินคนจากภายนอก และรู้จักคิดนอกกรอบ การตีความภาพนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมุมมองของแต่ละบุคคล

ถ้าจะให้สรุปตามแนวพระพุทธศาสนา การยึดติดนำมาซึ่งความทุกข์ เราควรฝึกปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ มองสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง อธิบายว่า ในชีวิตจริงของคนเรา ย่อมประสบกับสิ่งที่น่าปราราถนา เช่น สุข สรรเสริญ ลาภ ยศ รูปที่สวยงาม เสียงที่ไพเราะ กลิ่นหอมที่ชวนหลงใหล อาหารที่ถูกลิ้น สัมผัสที่อ่อนนุ่มถูกใจ อารมณ์ที่นึกแล้วเกิดสุขทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม และย่อมประสบกับอารมณ์ไม่ปรารถนา เช่น ทุกข์ นินทา ความเสื่อมลาภ ความเสื่อมยศ เห็นในสิ่งที่ไม่น่ามอง ฟังเสียงที่ขัดหู รับรู้รสที่ไม่ถูกลิ้น ได้กลิ่นที่ไม่ถูกใจ ได้สัมผัสแตะต้องในสิ่งที่ไม่ต้องการ นึกถึงบางอย่างแล้วเศร้าใจ รวมความทั้งหมดเรียกว่า โลกธรรม คือสิ่งที่ชอบใจและไม่ชอบใจ เราทุกคนต้องประสบพบเจอ เมื่อพบเจอแล้วควรทำใจให้เป็นกลาง คือทำใจให้เท่ากันในอารมณ์ทั้งสอง คือไม่ยินดี ดีใจมากจนเกินไปเมื่อประสบกับสิ่งชอบใจ ไม่ร้องไห้เสียใจเมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ทำใจให้เสมอกัน เมื่อทำเช่นนั้นได้ ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ยึดติดในอารมณ์ทั้งสอง ย่อมไม่ทุกข์ใจเมื่อประสบกับอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ ย่อมไม่หลงใหลในอารมณ์ที่ชอบใจ

ส่วนตัวคิดถึงคำนี้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อหลายสิบปี หรือแค่ได้ยินคำว่า “หาบช้างซาแมว” ก็นึกถึงโลกธรรม 8คืออารมณ์ที่น่าปรารถนา น่าชอบใจ สุข สรรเสริญ ลาภ ยศ และ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าชอบใจ ทุกข์ นินทา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทั้ง 8 ประการนี้ เราจะชอบใจหรือไม่ชอบใจ ต้องการหรือไม่ต้องการ ก็ย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนได้ ฉะนั้น ควรทำอารมณ์ หรือควรฝึกอารมณ์ให้เสมอกัน เท่ากัน เมื่อประสบกับสิ่งที่ปรารถนาหรือกับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ถูกใจก็หลงจนเกินไป ไม่ถูกใจก็ไม่เสียใจ

ทำได้หรือไม่ได้อีกเรื่อง แต่ต้องฝึกเหมือนคนหาบช้างและแมวคู่กัน ยังหาบได้ด้วยใบหน้าปกติ
แม้จะเทียบช้างซาแมวคือบุญและบาป ก็ยังจัดเข้าในโลกธรรมเช่นกัน
บุญหรือการให้ผลของบุญถือว่าเป็นสิ่งน่าปรารถนา บาปหรือการให้ผลของบาปก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาไม่ต้องการ เมื่อประสบพบเจอ หรือสิ่งหนึ่งใดให้ผล ก็ทำใจให้เป็นกลาง บุญหล่นทับก็ไม่หลงเกินไป ตกอับก็ไม่เสียใจจนทำอะไรไม่ได้


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....