รุ้งกินน้ำเกิดจากการหักเหและการสะท้อนของแสงที่ผ่านละอองน้ำในอากาศ เมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบละอองน้ำในบรรยากาศ แสงจะถูกหักเหและกระจายออกเป็นสีต่างๆ ตามคลื่นความยาวของแสง ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เราเห็นเป็นรุ้งกินน้ำ ซึ่งมีสีต่างๆ เช่น แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม และม่วง เรียงตามลำดับจากภายนอกสู่ภายในค่ะ🌈
ขั้นตอนการเกิดรุ้งกินน้ำ
- แสงอาทิตย์ส่องผ่านละอองน้ำ: หลังฝนตกใหม่ๆ อากาศจะมีละอองน้ำลอยอยู่จำนวนมาก เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านละอองน้ำเหล่านี้ แสงจะเกิดการหักเห เนื่องจากแสงเดินทางผ่านตัวกลางที่มีความหนาแน่นต่างกัน (จากอากาศสู่น้ำ)
- แสงแยกออกเป็นสีต่างๆ: แสงอาทิตย์เป็นแสงขาว ซึ่งประกอบด้วยแสงสีต่างๆ 7 สี (แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า คราม ม่วง) เมื่อแสงขาวหักเหผ่านละอองน้ำ แสงแต่ละสีจะหักเหด้วยมุมที่ต่างกัน ทำให้แสงขาวแยกออกเป็นสีต่างๆ
- แสงสะท้อนกลับหมด: หลังจากหักเหแล้ว แสงสีต่างๆ จะสะท้อนกลับหมดที่ผิวด้านในของละอองน้ำ
- แสงหักเหออกจากละอองน้ำ: แสงสีต่างๆ จะหักเหออกจากละอองน้ำอีกครั้ง กลับเข้าสู่สายตาของเรา
ทำไมรุ้งกินน้ำจึงมีลักษณะเป็นเส้นโค้ง?
เนื่องจากละอองน้ำในอากาศมีรูปร่างเป็นทรงกลม และแสงต้องหักเหเข้าสู่ดวงตาของเราในมุมที่เหมาะสม (ประมาณ 42 องศา) เราจึงมองเห็นรุ้งกินน้ำเป็นเส้นโค้ง
รุ้งกินน้ำมีกี่แบบ?
- รุ้งปฐมภูมิ: เป็นรุ้งกินน้ำที่เราเห็นบ่อยที่สุด มีสีแดงอยู่ด้านบน และสีม่วงอยู่ด้านล่าง
- รุ้งทุติยภูมิ: เป็นรุ้งกินน้ำที่จางกว่า อยู่เหนือรุ้งปฐมภูมิ มีสีม่วงอยู่ด้านบน และสีแดงอยู่ด้านล่าง เกิดจากการที่แสงสะท้อนภายในละอองน้ำ 2 ครั้ง
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
- เราจะเห็นรุ้งกินน้ำได้ก็ต่อเมื่อ มีละอองน้ำในอากาศ และมีแสงอาทิตย์ส่องมาจากด้านหลังของเรา
- รุ้งกินน้ำไม่ได้เป็นวัตถุ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางแสง เราจึงไม่สามารถสัมผัส หรือเดินเข้าไปในรุ้งกินน้ำได้
- แต่ละคนจะเห็นรุ้งกินน้ำต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ยืน