
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง มันชอบออกล่าสัตว์ และหลอกลวงสัตว์อื่นๆ เป็นประจำ วันหนึ่ง ขณะที่มันกำลังวิ่งไล่จับกระต่าย มันพลาดท่า วิ่งเข้าไปติดกับดักของนายพราน จิ้งจอกดิ้นรนอยู่นาน ในที่สุดก็หลุดออกมาได้ แต่โชคร้าย หางของมัน กลับขาดติดกับดักอยู่
จิ้งจอกรู้สึกอับอายมาก ที่ต้องกลายเป็นจิ้งจอกหางด้วน มันไม่กล้าออกไปพบเจอใคร เพราะกลัวจะถูกหัวเราะเยาะ วันหนึ่ง มันคิดแผนการขึ้นมาได้ เพื่อกลบเกลื่อนความอับอายของตัวเอง
จิ้งจอกเรียกประชุมจิ้งจอกทุกตัวในป่า เมื่อทุกตัวมาพร้อมกันแล้ว จิ้งจอกหางด้วนก็พูดขึ้นว่า “พวกเรา รู้ไหมว่า หางเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เกะกะ และทำให้วิ่งช้า ข้าตัดหางทิ้งไปแล้ว รู้สึกเบาสบาย วิ่งเร็วขึ้น พวกเจ้าก็ควรตัดหางทิ้ง เหมือนข้า”
จิ้งจอกตัวอื่น ๆ มองดูจิ้งจอกหางด้วน ด้วยความสงสัย จิ้งจอกตัวหนึ่งพูดขึ้นว่า “เจ้าโกหก เจ้าคงอับอาย ที่เสียหางไป ใช่ไหมล่ะ ถึงได้มาชวนพวกเราตัดหางตาม”
จิ้งจอกหางด้วน หน้าแดงก่ำ ด้วยความโกรธ และอับอาย รีบวิ่งหนีไป ส่วนจิ้งจอกตัวอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะเยาะ จิ้งจอกหางด้วน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
- อย่าปิดบังความผิด ด้วยการทำผิดเพิ่ม: จิ้งจอก พยายามปกปิดความอับอาย ที่เสียหาง ด้วยการชวนเพื่อนๆ ตัดหางตาม ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด
- ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย: ความจริง ย่อมเปิดเผยในที่สุด การโกหก ปิดบัง มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง
- ยอมรับความจริง: การยอมรับความจริง และข้อบกพร่องของตนเอง เป็นสิ่งที่ดีกว่า การพยายามปกปิด หรือแก้ตัว