น้องๆ คนไหนที่อยู่ในวัยเรียน เชื่อว่าตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมากว่าจะพาตัวเองอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนได้ก็ทำเอาหงุดหงิดไปหลายรอบ ครั้นพอเวลาเรียนมาถึงอาการงัวเงียหรือง่วงหงาวหาวนอน ทำให้ง่วงซึมก็ตามมาอีก ประสิทธิภาพการทำงานของสมองก็เสื่อมประสิทธิภาพลง เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วนะคะที่เราควรมองหาวิธีแก้ไข และวิธีที่เรานำมาฝากวันนี้ก็เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้เด็กๆ ตื่นแต่เช้าไปเรียนได้อย่างสดใส ไม่มีง่วงซึมและไม่หงุดหงิดหรือเครียดระหว่างวัน ทำอย่างไรบ้างมาดูกันค่ะ
เข้านอนเร็วเพื่อให้ร่างกายนอนหลับเต็มอิ่ม
เพราะการนอนหลับเต็มอิ่มเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก สำหรับเด็กๆ แล้วยิ่งควรเข้านอนแต่หัวค่ำและนอนให้เพียงพอวันละ 8 ชั่วโมงเต็มที่ ประสิทธิภาพการทำงานของสมองและอารมณ์จะได้สดใส พร้อมรับวันใหม่อย่างสดชื่น นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยบอกไว้อีกว่าคนที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อคืน มีแนวโน้มเกิดภาวะซึมเศร้า เครียด วิตกกังวลและหงุดหงิดได้ง่ายเสมอ ฉะนั้น เด็กๆ ต้องฝึกทำพฤติกรรมนี้ให้เคยชินตั้งแต่ยังเล็กนะคะ สุขภาพจะได้แข็งแรง จะได้เป็นเด็กฉลาดและเรียนเก่งด้วยนั่นเอง
ออกกำลังกายตอนเช้า
ตั้งเวลาตื่นนอนให้เร็วขึ้นสักนิด โดยเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อให้ร่างกายได้นอนเพียงพอครบ 8 ชั่วโมง จากนั้นลุกมาออกกำลังกายเบาๆ สัก 10 นาทีจะดีกว่า หากทำได้แบบนี้จะกระตุ้นให้สมองตอนเช้าเกิดความกระปรี้กระเปร่าสดชื่น พร้อมรับกับการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวันได้มากขึ้นด้วย
กินอาหารเช้าทุกวัน
เพราะอาหารเช้าคือ สุดยอดอาหารสมองและเป็นแหล่งของพลังงานในระหว่างวัน แนะนำให้คุณแม่ทำอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนไว้ให้ลูก ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ การกินอาหารเช้าทุกวันนี่แหละจะช่วยป้องกนโรคและช่วยให้การเรียนของลูกดีขึ้น สุขภาพก็ไม่อ่อนเพลียและยังมีภูมิต้านทานโรคที่แกร่งมากกว่าเพื่อนวัยเดียวกันได้ด้วย
อยากสุขภาพแข็งแรงสดใสในทุกวันที่ตื่นเช้า อย่าลืมนำคำแนะนำจากเราไปปฏิบัติตามกันนะคะเด็กๆ
